คาร์ดิโอ คืออะไร มีอะไรบ้าง ช่วยลดไขมัน ช่วยลดน้ำหนัก (2567)

คาร์ดิโอ คืออะไร มีอะไรบ้าง ช่วยลดไขมัน ช่วยลดน้ำหนัก (2567)

คาร์ดิโอ (Cardio) ถือเป็นการออกกำลังกายที่สำคัญมากๆ วันนี้เราจะมาพูดถึง คาร์ดิโอ คืออะไร มีอะไรบ้าง ช่วยลดไขมัน ช่วยลดน้ำหนัก (2567) การคาร์ดิโอไม่ใช่เพียงแค่การวิ่งบนลู่วิ่ง การปั่นจักรยาน การเล่นฟิตเนสเพียงอย่างเดียว แต่ในชีวิตประจำวันเช่นการเดินขึ้นลงบันไดทุกๆวัน การขยับ ลุกไปนั้นไปนี่ มันก็คือการออกกำลังกายอย่างหนึ่งเช่นกัน วันนี้เราจะมาพูดถึงว่าคำว่า คาร์ดิโอเนี่ย มันมีอะไรบ้าง และมันมีแบบไหน แบบไหนดีที่สุด

สารบัญ show

คาร์ดิโอ (cardio) ถ้าสำหรับมือใหม่นั้นอาจจะไม่รู้ว่าการคาร์ดิโอคืออะไร ผู้เริ่มต้นอาจจะไม่รู้จักคำนี้แต่ถ้าคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำหรือคนที่กำลังลดน้ำหนักจะรู้ทันทีว่าไอ้การคาร์ดิโอ (cardio) คืออะไรและมีความสำคัญอย่างไร มันเป็นกิจกรรมในการออกกำลังกายที่จำเป็นแค่ไหนที่เราจะต้องใส่การคาร์ดิโอไว้ในการออกกำลังกายในทุกๆวัน ไม่เพียงแค่ต้องการลดความอ้วน ลดน้ำหนัก ลดไขมัน เพียงอย่างเดียว การคาร์ดิโอนั้นยังส่งผลไปถึงการสร้างกล้ามเนื้อได้อีกด้วยเช่นกัน

การคาร์ดิโอ (Cadio) หรือที่เราเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า การออกกำลังกายแบบแอโรบิค คือการออกกำลังกายที่เน้นการกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต ระบบเผาผลาญ เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง การคาร์ดิโอนั้นมีหลากหลายแบบ เอาจริงๆมันอยู่ในชีวิตประจำวันของเราทุกวันนั้นแหละ การวิ่ง การเดิน การปั่นจักรยาน กิจวัตรประจำวันการขึ้นเดินลงบนไดทุกวัน เดินทั้งวัน ไปเที่ยว บลาๆ เยอะแยะไปหมด

ยิ่งระบบโลหิตไหลเวียนดี เลือดก็สามารถไปยังส่วนต่างๆของร่างกายได้มากขึ้น และระบบการภายในตัวเรายังดีอีกด้วย การบริโภควิตามิน อาหารที่มีประโยชน์ ก็สามารถเห็นผลได้ดีกว่าเช่นวิตามินและเกลือแร่ชนิดต่างๆ รวมไปถึงออกซิเจน ไปยังเซลล์ปลายทางได้ดียิ่งขึ้น และเซลล์ก็แข็งแรงขึ้น ทำงานดีขึ้น ร่างกายก็แข็งแรงขึ้น

คาร์ดิโอ คืออะไร มีอะไรบ้าง ช่วยลดไขมัน ช่วยลดน้ำหนัก (2567) 2

คาร์ดิโอ (Cardio) เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ในระดับที่สูงกว่า 60% ของจุดที่คุณรู้สึกเหนื่อยที่สุดอย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการลดระดับลง ซึ่งจะใช้เวลาในการออกกำลังกายประมาณ 30 – 60 นาที ช่วยเสริมระบบไหลเวียนโลหิตของร่างกาย ทั้งหัวใจและหลอดเลือด การคาร์ดิโอเพื่อจะออกกำลังกายนั้นมีหลากหลายวิธี ได้แก่ การวิ่ง ปั่นจักรยาน เต้นแอโรบิค ว่ายน้ำ และเดินเร็ว โดยปกติ คาร์ดิโอจะเผาผลาญแคลอรี่มากกว่าการเวทเทรนนิ่ง ถ้าใช้เวลาในการออกกำลังกายเท่ากันและค่าพลังงานที่เผาผลาญระหว่างการคาร์ดิโอนั้นจะขึ้นอยู่กับชนิดที่เราเลือก และความหนักเบาในการเล่น การคาร์ดิโอนั้นจะแบ่งออกแบบ 3 แบบด้วยกัน ได้แก่

1. คาร์ดิโอแบบ LISS (Low Intensity Steady State)

คาร์ดิโอแบบ LISS (Low Intensity Steady State) คือ การออกกำลังกายแบบเบาๆ เป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่สามารถออกกำลังกายหนักได้ หรือผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นออกกำลังกาย ซึ่งด้วยความที่เป็นการออกกำลังกายที่ไม่หนัก จึงจำเป็นต้องต้องออกในระยะเวลานาน เพื่อให้ร่างกายได้ทำงานและเริ่มเผาผลาญไขมัน โดยควรคาร์ดิโออย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 200-300 นาทีต่อสัปดาห์ การออกกำลังกายประเภทนี้ เช่น

  • การเดิน
  • การพายเรือ
  • ว่ายน้ำ
  • ปั่นจักรยาน

2. การคาร์ดิโอที่มีความเข้มข้นปานกลาง (MISS)

คาร์ดิโอแบบ MISS (Moderate Intensity Steady State) คือ การออกกำลังกายที่หนักขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ เป็นการออกกำลังกายที่หนักกว่าการออกกำลังกายแบบ LISS ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทำอะไรเดิมๆ ซ้ำกันเป็นระยะเวลานาน และต้องการเผาผลาญพลังงานมากขึ้น โดยระยะเวลาในการคาร์ดิโอแบบ MISS จะใช้เวลาอย่างน้อย 30 นาทีต่อวันหรือ 150 นาทีต่อสัปดาห์ ตัวอย่างการออกกำลังกายแบบ MISS เช่น

  • การวิ่งจ๊อกกิ้ง
  • การพายเรือ
  • การเดินขึ้น/ลงบันได

3. การคาร์ดิโอที่มีความเข้มข้นสูง (HIIT)

คาร์ดิโอแบบ HIIT (High Intensity Interval Training) คือ การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่มีความเข้มข้นสูง เป็นการออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงและพละกำลังมาก จึงเหมาะสำหรับคนที่ผ่านการออกกำลังกายมาแล้วสักระยะหนึ่ง และต้องการเพิ่มความยากหรือความท้าทายในการออกกำลังกาย โดยระยะเวลาในการออกกำลังกายแบบ HIIT นั้นจะน้อยกว่าแบบอื่นๆ คือประมาณ 15-20 นาที ซึ่งแม้ว่าจะใช้เวลาไม่นาน แต่ในการออกกำลังกายจะค่อนข้างใช้แรงมาก และทำอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ช่วยเผาผลาญไขมันได้ในปริมาณมาก การออกกำลังกายประเภทนี้ เช่น

  • การวิ่งเร็ว
  • การเต้นแอโรบิก
  • การกระโดดเชือก
คาร์ดิโอ คืออะไร มีอะไรบ้าง ช่วยลดไขมัน ช่วยลดน้ำหนัก (2567) 1

แน่นอนครับ การคาร์ดิโอสามารถช่วยลดน้ำหนัก ช่วยลดไขมันได้แน่นอน แต่เราจะต้องเล่นคาร์ดิโอเท่าไหร่ล่ะเพื่อที่จะได้ถึงเป้าหมายตรงนั้น ไม่ว่าจะเป็นการลดไขมัน หรือ การลดน้ำหนัก การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอเป็นเรื่องที่ดีแต่ถ้าหนักเกินไปก็มีผลเสียเหมือนกันครับ แล้วอะไรล่ะที่แสดงว่าคุณคาร์ดิโอเยอะเกินไป แต่เราต้องมารู้ก่อนว่า เราทำมันมากเกินไปหรือเปล่า ถ้าทำมากไปมันอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่มันจะกลายเป็นการทำร้ายคุณทางอ้อม เรามาดูกันเลยดีกว่าว่าการ คาร์ดิโอ ถ้าเราทำมากไปมันจะส่งผลอย่างไร และ ถ้าเราทำน้อยเกินไป มันจะส่งผลอย่างไรบ้าง

1. ร่างกายไม่เผาผลาญไขมัน : จริงอยู่ที่การคาร์ดิโอเป็นการลดไขมันได้ดี แต่ถ้าหนักเกินไปจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกมาเยอะเกินไป และร่างกายจะเข้าสู่โหมดไม่เก็บกักพลังงาน การเผาผลาญจึงลดลงตามไปด้วย ลองสังเกตดูครับว่าออกกำลังกายหนักแล้วเปอร์เซ็นต์ไขมันลดลงไหม ถ้าไม่ ต้องรีบปรับการคาร์ดิโอครับ

2. การสร้างกล้ามเนื้อลดลง : เมื่อไรก็ตามที่คุณรู้สึกว่าตัวเองผอมแต่ไม่กระชับ นั่นคือสัญญาณเตือนว่าคุณคาร์ดิโอหนักเกินไป เพราะทุกครั้งที่ออกกำลังกายกล้ามเนื้อจะหายไปอยู่แล้ว อย่าลืมทานอาหารที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้เพียงพอ อย่าลืมว่ายิ่งการเผาผลาญน้อย ไขมันไม่ลดมากเท่าไร คุณก็จะกลายเป็นคนผอมที่พร้อมจะกลับมาอ้วนได้ตลอดเวลา

3. มีอาการบาดเจ็บอยู่เสมอ : แสดงให้เห็นว่ากล้ามเนื้อคุณเครียดมากเกินไป หากคุณกำลังเจอปัญหาเรื่องการเจ็บปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อแบบเรื้อรังให้ลดการออกกำลังกายหนักๆ สักพัก เพราะร่างกายกำลังเตือนคุณว่า ฉันไม่ไหวแล้วนะ

เรามาดูกันสิว่าภายในเวลา 30 นาที ในแต่ล่ะกีฬาและกิจกรรมที่เราทำ มันเผาพลาญไปกี่แคลลอรี่ อ้างอิงจาก : https://www.health.harvard.edu/

กิจกรรมภายในฟิตเนส125-pound person155-pound person185-pound person
ยกเวท90108126
เต้นแอโรบิก : ภายในน้ำ120144168
การเล่นโยคะ120144168
Calisthenics: moderate135162189
เต้นแอโรบิก : Low impact165198231
Stair Step Machine: general180216252
Weight Lifting: vigorous180216252
Aerobics, Step: low impact210252294
Aerobics: high impact210252294
Bicycling, Stationary: moderate210252294
Rowing, Stationary: moderate210252294
Calisthenics: vigorous240306336
Circuit Training: general240  
Rowing, Stationary: vigorous255369440
Elliptical Trainer: general270324378
Ski Machine: general285342399
Aerobics, Step: high impact300360420
Bicycling, Stationary: vigorous315278441
Training and Sports Activities   
Bowling90108 
Dancing: slow, waltz, foxtrot90108125
Frisbee85105125
Volleyball: non-competitive, general play90108126
Water Volleyball90108126
Golf: using cart105126147
Gymnastics: general120144168
Horseback Riding: general577084
Tai Chi120144168
Volleyball: competitive, gymnasium play226281335
Walking: 3.5 mph (17 min/mi)107133159
Badminton: general114141168
Walking: 4 mph (15 min/mi)135175189
Kayaking150180210
Skateboarding150180210
Softball: general play141180210
Whitewater: rafting, kayaking150180210
Dancing: disco, ballroom, square165198231
Golf: carrying clubs165198231
Dancing: Fast, ballet, twist180216252
Hiking: cross-country170216252
Skiing: downhill180216252
Swimming: general180216252
Walk/Jog: jog <10 min.180216252
Water Skiing180216252
Wrestling180216252
Basketball: wheelchair195234273
Ice Skating: general210252294
Racquetball: casual, general210252293
Rollerblading/skating (Casual)311386461
Rollerblading/skating (Fast)340421503
Scuba or skin diving210252294
Sledding, luge, toboggan199247294
Soccer: general210252294
Tennis: general210252294
Basketball: playing a game240288336
Bicycling: 12-13.9 mph240288336
Football: touch, flag, general240288336
Hockey: field & ice240288336
Rock Climbing: rappelling227282336
Running: 5 mph (12 min/mile)240288336
Skiing: cross-country198246293
Snow Shoeing240288336
Volleyball: beach240288336
Bicycling: BMX or mountain255306357
Boxing: sparring270324378
Football: competitive270324378
Running: cross-country255316377
Bicycling: 14-15.9 mph300360420
Martial Arts: judo, karate, kickbox300360420
Racquetball: competitive300360420
Rope Jumping (Fast)340421503
Rope Jumping (Slow)226281335
Running: 6 mph (10 min/mile)495360420
Swimming: laps, vigorous300360420
Water Polo300360420
Rock Climbing: ascending226281335
Bicycling: 16-19 mph360432504
Handball: general360432504
Running: 7.5 mph (8 min/mile)375450525
Bicycling: > 20 mph495594693
Running: 10 mph (6 min/mile)453562671
กิจกรรมภายนอก : Outdoor Activities   
Raking lawn120144168
Gardening: general135162189
Mowing lawn: push, power135162189
Operate Snow Blower: walking135162189
Carrying & stacking wood142176210
Mowing Lawn: push, hand165198231
Chopping & splitting wood180216252
Shoveling Snow: by hand180216252
Home & Daily Life Activities   
Sleeping192226
Reading: sitting344047
Standing in line283541
Cooking577084
Food Shopping: with cart85106126
Playing w/kids: moderate effort114141168
Heavy Cleaning: wash car, windows135162189
Paint, paper, remodel: inside142176210
Moving: household furniture170211252
Moving: carrying boxes210252294

การออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักและไขมันส่วนเกินตามส่วนต่างๆ ของร่างกายนั้น มีด้วยกันหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็มีจุดมุ่งหมายในการกระชับสัดส่วนหรือลดไขมันที่แตกต่างกันไป จึงทำให้เกิดคำถามที่ว่า ถ้าเราจะต้องการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักและไขมันส่วนเกิน กระชับสัดส่วนให้สวยเพรียวได้รูป เราควรเลือกการออกกำลังกายแบบไหนจะดีกว่ากัน ระหว่าง คาร์ดิโอ กับ เวทเทรนนิ่ง หรือควรทำทั้งคู่

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอและเวทเทรนนิ่งล้วนช่วยลดน้ำหนักได้ดีทั้งสิ้น แต่การเวทเทรนนิ่งเพียงอย่างเดียว อาจช่วยลดน้ำหนักได้แต่เห็นผลช้า ส่วนการคาร์ดิโอก็ทำให้น้ำหนักลดลงได้จริง แต่ขาดความกระชับของสัดส่วน เมื่อเราน้ำหนักลด แต่ผิวของเราจะย้วยได้ง่าย เพราะไม่มีกล้ามเนื้อ ทำให้หุ่นไม่เฟิร์ม เนื่องจากการคาร์ดิโอนอกจากจะลดไขมันเราแล้วยังลดกล้ามเนื้อเราไปด้วยครับ เพราะฉะนั้นเพื่อประสิทธิภาพในการออกกำลังกายลดน้ำหนักที่ดีที่สุด แนะนำให้เวทเทรนนิ่งควบคู่ไปกับการคาร์ดิโอ เพื่อเร่งการเผาผลาญไขมันและกระชับสัดส่วนไปในตัวซึ่งจะทำให้คุณมีรูปร่างที่ฟิตเฟิร์มมากขึ้น หุ่นสวย และมีสุขภาพดีดั่งใจอย่างแน่นอน

อ้างอิงจากข้อความใน Pantip : https://pantip.com/topic/30786934

คาร์ดิโอ คืออะไร มีอะไรบ้าง ช่วยลดไขมัน ช่วยลดน้ำหนัก pantip

เราไม่เล่นทั้ง cardiovascular training ไม่เล่นทั้ง weight training เพราะมันทำให้ร่างกายเราอยู่ภายใต้ severe stress จนตัวแข็งทื่อ ไม่ยืดหยุ่น (ทำให้กระแสลมปราณในร่างแปรปรวนผิดธรรมชาติ)  แต่เรา keep fit และทำให้ร่างกาย slim และยืดหยุ่นมากๆ ทำให้เคลื่อนไหวตัวเหมือนกระแสน้ำ เหมือนดั่งคำสอนเต๋าที่ว่า When in stillness be like a mirror and when in motion be like a river. ซึ่งบรรลุผลได้ด้วยการฝึกโยคะ วรยุทธ์จีน และฝึกสมาธิเดินลมปราณ โดยให้ร่างกาย relax completely ปราศจาก physical stress และปราศจาก mental stress ทั้งปวง

อีกเหตุผลก็คืออาจารย์ชาวจีนที่สอนวรยุทธ์จีนเราห้ามเล่น weight training โดยอาจารย์เราสอนว่ามนุษย์เราเมื่อ relax completely ร่างกายและจิตใจจะอยู่ในสภาพอันทรงพลังมากที่สุด อีกทั้ง weight training จะพัฒนา biceps ให้ใหญ่เทอะทะ ทำให้แขนเราออกอาวุธช้าในการต่อสู้ เพราะการต่อย (เตะ ถึบ ฟันศอก ใช้ฝ่ามือ สันมือ ปลายนิ้วมือ ท่อนแขน หัวไหล่ หรือส่วนใดๆของร่างกายเพื่อเป็นอาวุธ) จู่โจมเพื่อทำให้คู่ต่อสู้ล้มลงไปได้ทันที ม้นไม่ได้ใช้พลังจากกล้ามเป็นมัดๆในการออกอาวุธ หากแต่ต้องใช้สมาธิและพลังลมปราณ (ซึ่งพัฒนาจากจิตที่ฝึกมาจนสงบ) และความเร็วในการออกอาวุธ จู่โจมไปทึ่จุดอ่อนบนร่างกายคู่ต่อสู้ให้แม่นยำตรงเป้าราวกับจับวาง

หมายเหตุ : การเคลื่อนไหวตัวและออกอาวุธในการต่อสู้โดยไม่อาศัยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ ทำได้โดยการส่งพลังจาก dantian (ศูนย์รวมกำลังภายในที่ตำแหน่งประมาณ 1.3 นิ้วใต้สะดือ ซึ่งเป็นจุด center of gravity ทำให้ใช้ gravitational force ช่วยให้ตัวเองทรงตัวได้ดีเยี่ยมและเพิ่มพลังและความรวดเร็วในการออกอาวุธ  ตามที่ตำนานจีนกล่าวไว้ว่า Zhang Sanfeng  (เจ้าสำนัก Wudang (คนไทยเรียกบู๊ตึง)) แม้จะอายุเกิน 100 ปีไปแล้ว แต่ก็เคลื่อนไหวตัวและออกอาวุธได้รวดเร็วและทรงพลังมากๆ ในขณะที่ relax completely เพราะเขาอาศัย (แรงดีดเหมือนคันศร) จากความโค้งเหมือนหลังเต่าของกระดูกสันหลังเขา (โดยธรรมชาติแล้วหลังคนต้องไม่ตรงเด๊ะๆแข็งทื่อ) และขาอันเรียวยาวเหมือนนกกระเรียนของเขา (ซึ่งก็เป็นคุณลักษณะเด่นของคนที่อายุยืนมากๆและแข็งแรงทรงพลังไปตลอดชีวิต (เพราะเต่ากับนกกระเรียนอายุยืนมากๆ)

paradoxes เกี่ยวกับสุขภาพและการลดน้ำหนักก็คือ การรำมวยจีนช้าๆ ขณะ relax completely โดยมีสมาธิและจิตที่สงบมากๆ หรือยืนฝึกสมาธิท่า horse stance (ท่ายืนย่อตัวเหมือนที่เห็นในหนังกำลังภายใน) หรือแม้กระทั่งนั่งสมาธิ โดยกำหนดลมปราณให้ถูกต้องตามธรรมชาติโดยปราศจาก stress (แบบที่เต๋าสอนเรื่อง non-action action (การกระทำโดยไม่กระทำ))  กลับกลายเป็นสร้างพลังงานความร้อนสูงมากๆจนถึงกับ burn fat ออกไปได้เป็นจำนวนมากจนเหงื่อออกท่วมตัวและร้อนระอุ (ซึ่งถ้าฝึกแบบนี้บนหิมะจะเห็นไอตัวแผ่กระจายออกจากร่างในวงกว้าง)  ซึ่งการฝึกวิธี non-action action แบบ relax completely จะเป็นการ burn fat อย่างรวดเร็วทันใจทำให้ร่างกายยืดหยุ่นเคลื่อนไหวตัวได้ลื่นไหลราวกับกระแสน้ำ ได้มากกว่าการฝึก cardiovascular training กับ weight training (ซึ่งกดดันร่างกายให้อยู่ภายใต้ stress นานๆ) ตั้งหลายเท่า!

คาร์ดิโอ คืออะไร มีอะไรบ้าง ช่วยลดไขมัน ช่วยลดน้ำหนัก pantip 1

หุ่นจะไม่สวยค่ะ คือดูเป็นคนผอมแต่ไม่มีกล้ามเนื้อ แล้วจะอ้วนง่าย เราที่ผ่านมาไม่เคยเวทเทรนนิ่งเลยเพราะเราผอมมาตลอด ไม่รู้จะทำทำไม เคยอ้วนปีนึงแล้วลดจนไม่อ้วนอีกเลย(คาร์ดิโอ+ควบคุมอาหาร) ใส่เสื้อผ้าอะไรก้อได้ แต่หน้าท้องจะป่องตามการกิน กินเยอะก้อป่องมากแล้วก้อไปคาร์ดิโอออก

ทีนี้สองปีก่อน เราชักอยากใส่บิกินี่สวยๆ เพราะเราไปพักพูลวิลล่า ปรากฎ หุ่นที่เราเคยคิดว่าสวย ใส่บิกินี่ไม่สวยเลย T_T มันเกินตามขอบๆหมด ปีก่อนเราเลยฮึด เวทเทรนนิ่ง 8 เดือน หุ่นเราเฟิร์มขึ้น เคยเปิดหน้าท้องถ่ายรูป มีแต่คนชม และเราเพิ่งสังเกตพี่ที่สนิทกัน เต้นกับเราประจำ ภายนอกเขาหุ่นดีทุกอย่าง แต่พอจะเปิดหน้าท้องถ่ายรูปเหมือนเรา ปรากฎว่าเขาทำไม่ได้ เพราะท้องยื่น! เรากับเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขามีเลย เพราะไม่เคยสนใจกันมาก่อน จนตอนนี้เขาฮึดอยากหน้าท้องเฟิร์มเหมือนเราแล้ว

ข้อดีของเวทเทรนนิ่งนะคะ

1. จะทำให้กระชับทั้งตัว ใส่เสื้อผ้าสวยขึ้นมาก แขนขาหน้าท้องหลังเรียวสวย เอวเราเล็กลง 1-2 นิ้ว
2. จะดูสวยในระยะนาน อย่างเรากินข้าวเสร็จพักนึงก้อใส่บิกินี่ว่ายน้ำเล่นได้แล้ว ขณะที่คนอื่นไม่กล้าเพราะเพิ่งกิน พุงป่อง

ยากกว่าคาร์ดิโอจริงค่ะ หลายครั้งเราทำในคลาสแล้วเครียด+เหนื่อยมาก เราถามตัวเองว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ มาทรมานตัวเองทำไม แต่พอเห็นหุ่นตัวเองแล้วมีความสุขอยากกระโดดกอดครู 555 สู้กับใจตัวเองตลอด แล้วมีแต่คนชม เรายิ่งภูมิใจเพราะมันไม่ได้มาง่ายๆ

ตอนนี้หุ่นเราก้อยังไม่ได้อย่างที่ต้องการ 100% เราอยากกล้ามหน้าท้องชัดกว่านี้ อยากก้นเด้งกว่านี้ และต้นขาเฟิร์มกว่านี้ มาสู้ด้วยกันนะคะ ^_^

เป็นกำลังใจให้นะคะ

คาร์ดิโอ คืออะไร มีอะไรบ้าง ช่วยลดไขมัน ช่วยลดน้ำหนัก (2567) 4

มาถึงตรงนี้แล้วเราคงต้องตั้งคำถามว่า แล้วเราควรจะคาร์ดิโอวันล่ะกี่นาที สัปดาห์ล่ะกี่นาที กันล่ะ โดยเฉลี่ยแล้ว เราควรออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอราว 150 นาทีต่อสัปดาห์ หรืออาจแบ่งเป็นครั้งละ 30 นาที เป็นเวลา 5 วัน ซึ่งสามารถทำได้ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ คนชรา รวมถึงผู้พิการ แต่เราไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายติดต่อกัน 30 นาทีรวดก็ได้ จริงอยู่ว่าการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง 30 นาทีเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่หากคุณไม่มีเวลา หรือเพิ่งเริ่มออกกำลังกายได้ไม่นาน สามารถแบ่งการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอหลายครั้ง ครั้งละไม่กี่นาทีได้ เช่น ออกกำลังกายตอนเช้า 10 นาที พักกลางวัน 10 นาที และตอนเย็นหลังเลิกงานอีก 10 นาที (หรือมากกว่า) ก็ได้

หากคุณเป็นคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำอยู่แล้ว หรือทำงานที่ต้องใช้กำลังกายอยู่เป็นประจำ สามารถลดเวลาในการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอลงได้ครึ่งหนึ่ง หรือ 75 นาทีต่อสัปดาห์ หรือครั้งละ 25 นาที 3 วัน และเลือกคาร์ดิโอแบบที่หนักขึ้นมาอีกนิดมากกว่าคาร์ดิโอในระดับปกติ เช่น ว่ายน้ำแบบนับรอบ กระโดดเชือก ปีนเขาพร้อมกระเป๋าหนัก ฯลฯ

ส่วนการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอนั้น คือเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายแบบใดก็ได้ เพื่อให้หัวใจของเราเต้นประมาณ 50-70% ของอัตราการเต้นสูงสุด หรือให้เข้าสู่โซน 2 ขึ้นไป ดังนี้เช่น

หากคุณอายุ 40 ปี ให้เอา 220-40 อัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด (MaxHR) จะได้เท่ากับ 180 จากนั้นเอา 180 ไปคิดเป็น “เปอร์เซ็นต์” เพื่อหาอัตราการเต้นของหัวใจทั้ง 5 โซน เริ่มจาก

  • โซน 1 คือ 50-60% ของ MaxHR (180×50/100 เท่ากับ 90 และไม่เกิน 180×60/100 เท่ากับ 108) ดังนั้น เมื่อหัวใจเต้นระหว่าง 90-108 ครั้งต่อนาที ก็จะอยู่ในโซน 1 ซึ่งจะใช้วิธีคิดแบบเดียวกันนี้ไปในแต่ละโซน
  • โซน 2 จะอยู่ที่ 60-70% ของ MaxHR
  • โซน 3 จะอยู่ที่ 70-80% ของ MaxHR
  • โซน 4 จะอยู่ที่ 80-90% ของ MaxHR
  • โซน 5 จะอยู่ที่ 90-100% ของ MaxHR

ตามทฤษฏีแล้วการ ลดไขมัน 0.5 kg ต้องใช้พลังงานประมาณ 3,500 Kcal/สัปดาห์หรือเฉลี่ย 500 Kcal/วัน ซึ่งการที่จะทำให้ร่างกายใช้พลังงาน 500 Kcal/วัน นี้ก็จะมีมาจากสองส่วน

ควบคุมอาหาร: สมมติว่าเราควรได้รับแคลอรี่ 2,000 Kcal ต่อวัน การที่จำกัดอาหารให้เหลือ 1,500 Kcal จะทำให้ร่างกายต้องดึงพลังงานสำรองมาใช้ 500 Kcal หรือเท่ากับคาร์บโบไฮเดรต125g (ข้าวหุงสุกประมาณ 500g)

ออกกำลังกาย: โดยเฉลี่ยแล้วการออกกำลังกายช่วง 70% MaxHRจะใช้พลังงานประมาณ 7 Kcal/นาที ถ้าออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ 50 นาทีจะใช้พลังงานประมาณ 350 Kcal

เป็นแนวให้ร่างกายมีประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย เหมาะกับผู้ที่ต้องการในเรื่องของสุขภาพหัวใจ หลอดเลือด ความดันโลหิต ปอด รวมไปถึงคนที่อยากลดน้ำหนัก ลดความอ้วน และคนที่สนใจดูแลสุขภาพโดยรวม อยากมีภูมิคุ้มกันโรคที่แข็งแรง ชะลอความเสื่อมของส่วนต่างๆ ในร่างกาย อยากให้ตัวเองไม่เหนื่อยง่าย วิ่งได้นานและไกลขึ้น หรือขึ้นบันได ปีนเขาได้สบายๆ เป็นต้น

Cardio คือ การออกกำลังกายที่มีผลทำให้อัตราการเต้นของหัวใจสูงขึ้น โดยที่ร่างกายมีการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา การเดิน การวิ่ง ว่ายน้ำ หรือเต้นแอร์โรบิค ก็คือคาร์ดิโอ ซึ่งการบริหารร่างกายแบบนี้จะช่วยกระตุ้นการทำงานของส่วนต่าง ๆ ในร่างกายของเราให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รวมไปถึงทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายมีสุขภาพจิตที่ดีอีกด้วย 

  1. เสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายและปอด
  2. เพิ่มอัตราการใช้ออกซิเจนให้กับร่างกาย
  3. เพิ่มการเผาผลาญพลังงาน โดยเฉพาะไขมัน
  4. ทำให้ลดน้ำหนักได้ไว
  5. ระบบไหวเวียนโลหิตดีขึ้น

การออกกำลังกายในแบบคาร์ดิโอให้ได้ผลดี จะต้องออกกำลังกายติดต่อกัน 30 – 60 นาทีขึ้นไป และควรออกกำลังกายแบบนี้ให้ได้ 5 วันใน 1 สัปดาห์
ซึ่งประโยชน์ที่จะได้รับจากการออกกำลังกายประเภทนี้ จะมีอะไรบ้างไปอ่านพร้อมกันเลย

1. บริหารกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรง

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอจะทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดในอัตราที่เร็วขึ้นกว่าปกติ ซึ่งจะช่วยให้กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรงขึ้น

2. เผาผลาญไขมันได้ดีขึ้น

การออกกำลังกายแบบนี้จะช่วยให้ระบบเผาผลาญไขมันในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ยิ่งฝึกเพิ่มขึ้นมากเท่าไรอัตราการเผาผลาญก็จะมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเหมาะกับผู้มาออกกำลังกายที่มีเป้าหมายอยากที่จะลดน้ำหนัก

3. ปรับระดับฮอร์โมนในร่างกายให้สมดุลย์

เมื่อเราออกกำลังกายด้วยการทำคาร์ดิโอจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกมา ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเมื่อยล้าและอารมณ์หงุดหงิดได้เป็นอย่างดี จึงทำให้คุณกลายเป็นคนที่มีอารมณ์ดีและมองโลกในแง่บวกมากกว่าคนทั่วไป

4. ช่วยควบคุมการเป็นโรคเบาหวาน

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายได้ดีกว่า คนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย เหมาะกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน

5. ช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายได้อย่างรวดเร็ว

การออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอจะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายให้กลับมาสมบูรณ์ได้อย่างรวดเร็ว

6. ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น

สำหรับคนที่เป็นโรคนอนไม่หลับ หลับยาก หรือชอบตื่นขึ้นมากลางดึกเป็นประจำ การออกกำลังกายแบบนี้จะช่วยให้คุณหลับสนิทและช่วยให้ปัญหานอนไม่หลับของคุณหายไปได้อย่างดี

คาร์ดิโอ คืออะไร มีอะไรบ้าง ช่วยลดไขมัน ช่วยลดน้ำหนัก (2567) 3
  • คาร์ดิโอแบบ HIIT : ประมาณ 150-300 นาที ต่อสัปดาห์ จะช่วยเผาผลาญไขมันและสร้างกล้ามเนื้อไปในเวลาเดียวกัน
  • กินโปรตีนมากขึ้น : ช่วยรักษาและเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ และช่วยให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานได้เร็วขึ้นอีก
  • พักผ่อนให้เพียงพอ : หนึ่งในวิธีเผาผลาญไขมันที่ดีที่สุด เพราะช่วงเวลานี้ ร่างกายจะมีกระบวนการซ่อมแซมตัวเอง
  • กินไขมันดีมากขึ้น : ช่วยให้ลดน้ำหนักและเบิร์นไขมันได้เร็วขึ้น และแถมไขมันยังจะเข้าไปช่วยให้เรารู้สึกอิ่มนานขึ้น
  • กินเส้นใยอาหารมากขึ้น : กินวันละ 14 กรัม สามารถลดพลังงานแคลอรี่ต่อวันได้ถึง 10% และสามารถลดน้ำหนักได้มากถึง 2 กิโลกรัม ภายในระยะเวลาแค่ 2 เดือน
  • โปรไบโอติกส์ (PROBIOTICS) : ช่วยเรื่องลดน้ำหนัก เบิร์นไขมัน และลดรอบเอวได้

การคาร์ดิโอคืออะไร

คือการเผาผลาญไขมัน การออกกำลังกายที่ทำให้เกิดเหงื่อ การคาร์ดิโอเพื่อลดน้ำหนัก มันเปรียบเสมือนการออกกำลังกายในทุกๆวัน ไม่เพียงแค่ต้องการลดความอ้วน ลดน้ำหนัก ลดไขมัน เพียงอย่างเดียว การคาร์ดิโอนั้นยังส่งผลไปถึงการสร้างกล้ามเนื้อได้อีกด้วยเช่นกัน

การคาร์ดิโอมีอะไรบ้าง

การคาร์ดิโอมีหลากหลายรูปแบบ การวิ่ง การเดิน การปั่นจักรยาน และการเวทเทรนนิ่งประเภท HIIT ก็เป็นการคาร์ดิโอประเภทนึงเช่นกัน

  • อุปกรณ์นำเข้า หลายเกรดคุณภาพฟิตเนส ให้คุณเลือก
  • สินค้ารับประกันทุกชิ้นส่วน
  • ผ่อนจ่ายได้ตามความสะดวกของลูกค้า
  • บริการออกแบบด้วย ระบบ 3D สมจริง
  • บริการซ่อมบำรุงหลังการขาย ระดับมืออาชีพ
  • บริการจัดส่งทั่วไทย ส่งฟรี กทม ปริมณฑล
  • ให้คำปรึกษาฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย

สนใจสอบถามข้อมูล ทางนี้เลย
Facebook : CCT Fitness นำเข้าเครื่องออกกำลังกาย
Tel: 089-750-7380
สนใจชมตัวอย่างสินค้า >> https://goo.gl/maps/RBNaNTLmk8LD3T2A8

บทความล่าสุด
การใช้เครื่องวัดมวลไขมันในร่างกาย ดียังไง? รวมข้อดี-ข้อเสีย

การใช้เครื่องวัดมวลไขมันในร่างกาย ดียังไง? รวมข้อดี-ข้อเสีย

หลากคนอาจจะเคยได้ลองสัมผัสกับเครื่องวัดมวลไขมันในร่างกายกันมาบ้างแล้ว ซึ่งก็อย่างที่เห็นแหละครับ มันบอกเราเกือบจะทุกอย่างในร่างกายของเรา แต่ไม่ได้ 100% นะครับ แค่พอประมาณการได้เท่านั้น เครื่องวัดมวลร่างกายเนี่ยมันจะประเมินปริมาณไขมันในร่างกายของคุณ เครื่องวัดมวลเหล่านี้มีหลายประเภท เช่น เครื่องที่วิเคราะห์ค่าอิมพีแดนซ์ทางไฟฟ้า (BIA)  เครื่องวัดความหนาของชั้นไขมันใต้ผิวหนัง และ การชั่งน้ำหนักแบบไฮโดรสแตติก

ควรซื้อดัมเบลแบบไหน เลือกดัมเบลน้ำหนักเท่าไหร่ดี ? (2567)

ควรซื้อดัมเบลแบบไหน เลือกดัมเบลน้ำหนักเท่าไหร่ดี ? (2567)

หากคุณกำลังคิดจะซื้อดัมเบลสำหรับยิมที่บ้านแต่ไม่แน่ใจว่าจะซื้อดัมเบลน้ำหนักเท่าไรดี คุณมาถูกที่แล้วบทความนี้จะพาคุณมาดูว่า ควรซื้อดัมเบลแบบไหน และเลือกดัมเบลน้ำหนักเท่าไหร่ที่เหมาะสมกับคุณ  และรวมทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้

5 ประเภทของดัมเบล และข้อดี – ข้อเสียของดัมเบล

5 ประเภทของดัมเบล และข้อดี – ข้อเสียของดัมเบล

ในปัจจุบันมีอุปกรณ์ออกกำลังกายมากมายในตลาด บทความนี่เราจะมาดู 5 ประเภทของดัมเบล และข้อดี – ข้อเสียของดัมเบล ซึ่งเป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายอันดับแรกๆ ที่คุณควรจะมีติดบ้านไว้สำหรับออกำลังกาย

7 ประโยชน์ของ การมีชั้นวางดัมเบล ไว้ภายในฟิตเนส

7 ประโยชน์ของ การมีชั้นวางดัมเบล ไว้ภายในฟิตเนส

บทความนี้เราจะมาดู 7 ประโยชน์ของ การมีชั้นวางดัมเบล ไว้ภายในฟิตเนส ดัมเบลเป็นอุปกรณ์เสริมที่ควรมีติดบ้านหรือยิมในเชิงพาณิชย์ ดัมเบลได้รับการออกแบบมาให้ใช้มือเดียวในการบริหารน้ำหนัก

5 ประเภทของชั้นวางดัมเบล แบบไหนที่เหมาะกับคุณ ?

5 ประเภทของชั้นวางดัมเบล แบบไหนที่เหมาะกับคุณ ?

เมื่อพูดถึงการฝึกความแข็งแกร่ง การมีอุปกรณ์ที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้ผมจะพามาดู 5 ประเภทของชั้นวางดัมเบล แบบไหนที่เหมาะกับคุณ อุปกรณ์ที่ดีที่สุดอย่างหนึ่งสำหรับยิมหรือสถานที่ออกกำลังกายคือชั้นวางดัมเบล...

Call

(038)514-093
(038)820-187 ต่อ 104 (Fax.)
(089)750-7380 ( ไนส์ )

Store Information

บริษัท ซี.ซี.ที กรู๊ป (1997) จำกัด : 22/1 หมู่ 9 ตำบลบางพระ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา 24000

CCTFITNESS